แบบทดสอบที่ไม่มีชื่อ

ไฮโดรโปนิกส์คืออะไร ?

• การปลูกพืชในดินที่อุดมสมบูรณ์

• การปลูกพืชในน้ำที่ไม่มีธาตุอาหาร

• การปลูกพืชโดยใช้สารเคมีเท่านั้น

• การปลูกพืชโดยใช้น้ำและสารละลายธาตุอาหารแทนดิน

ข้อใดคือวัสดุปลูก (Growing Media) ที่นิยมใช้ในระบบไฮโดรโปนิกส์

• ทราย

• ดินเหนียว

• ขี้เลื่อย

• หินภูเขาไฟ เพอร์ไรต์ ใยมะพร้าว

ค่า pH ที่เหมาะสมสำหรับสารละลายธาตุอาหารในระบบไฮโดรโปนิกส์ส่วนใหญ่คือเท่าใด

• 4.0-5.0

• 7.0-8.0

• 5.5-6.5

• 9.0-10.0

ระบบไฮโดรโปนิกส์แบบใดที่รากพืชจุ่มอยู่ในสารละลายธาตุอาหารตลอดเวลา

• ระบบ Ebb and Flow

• ระบบ NFT (Nutrient Film Technique)

• ระบบ DWC (Deep Water Culture)

• ระบบ Drip System

ปัญหาใดที่มักเกิดขึ้นเมื่อค่า EC (Electrical Conductivity) ของสารละลายธาตุอาหารสูงเกินไป

• พืชเจริญเติบโตช้าลงเนื่องจากได้รับธาตุอาหารไม่เพียงพอ

• รากพืชเน่า

• พืชแสดงอาการขาดธาตุอาหาร

• เกิดอาการใบไหม้หรือปลายใบแห้ง (Tip Burn)

ข้อใดเป็นข้อดีหลักของการปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์เมื่อเทียบกับการปลูกพืชในดิน

• ไม่ต้องควบคุมสภาพแวดล้อม

• ประหยัดน้ำมากกว่า

• มีศัตรูพืชและโรคพืชมากกว่า

• ต้องใช้พื้นที่ในการปลูกมากกว่า

หน้าที่ของปั๊มน้ำในระบบไฮโดรโปนิกส์คืออะไร

• เพิ่มอุณหภูมิของน้ำ

• ส่งน้ำและสารอาหารไปยังรากพืช

• ทำให้รากพืชแข็งแรง

• ควบคุมค่า pH

ธาตุอาหารหลัก (Macronutrients) ที่พืชต้องการในปริมาณมากในระบบไฮโดรโปนิกส์คืออะไร

• แคลเซียม (Ca), แมกนีเซียม (Mg), กำมะถัน (S)

• ไนโตรเจน (N), ฟอสฟอรัส (P), โพแทสเซียม (K)

• ทองแดง (Cu), โบรอน (B), โมลิบดีนัม (Mo)

• เหล็ก (Fe), สังกะสี (Zn), แมงกานีส (Mn)

การทำ Deep Water Culture (DWC) จำเป็นต้องมีอุปกรณ์อะไรเพื่อเพิ่มออกซิเจนในน้ำ

• ปั๊มอากาศ (Air Pump) และหัวทราย (Airstone)

• ตัวควบคุมอุณหภูมิ

• หลอดไฟ LED

• ปั๊มน้ำ

ข้อใดไม่ใช่ข้อเสียของการปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์

• เสี่ยงต่อการเกิดโรคพืชได้ง่าย

• หากระบบล้มเหลวอาจทำให้พืชเสียหายได้รวดเร็ว

• มีต้นทุนเริ่มต้นสูง

• ต้องอาศัยความรู้และทักษะเฉพาะทาง