การวินิจฉัยภาวะช็อคมีขั้นตอนใดบ้าง?

• การประเมินความดันโลหิตสูง

• การประเมินสัญญาณชีพและสาเหตุของช็อค

• การวินิจฉัยโรคหัวใจ

• การตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือด

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภาวะช็อคคืออะไร?

• การติดเชื้อในร่างกาย

• การขาดน้ำอย่างรุนแรง

• การไหลเวียนของเลือดไม่เพียงพอ

• การบาดเจ็บที่สมอง

การรักษาภาวะช็อคมีวิธีการใดบ้าง?

• การให้วิตามิน

• การให้สารน้ำ, ยาช่วยเพิ่มความดัน, การให้เลือด, รักษาสาเหตุ

• การทำกายภาพบำบัด

• การใช้ยานอนหลับ

สัญญาณชีพที่ต้องประเมินในผู้ป่วยช็อคคืออะไร?

• อัตราการขับถ่าย

• ระดับน้ำตาลในเลือด

• อัตราชีพจร, ความดันโลหิต, อัตราการหายใจ, อุณหภูมิร่างกาย

• อัตราการเต้นของหัวใจขณะนอนหลับ

การดูแลผู้ป่วยช็อคในระยะเฉียบพลันควรทำอย่างไร?

• ให้การรักษาเบื้องต้น เช่น การให้ออกซิเจนและของเหลวทางหลอดเลือดดำ

• ทำการผ่าตัดทันที

• ให้ผู้ป่วยนอนพักเฉยๆ

• ให้ยารักษาโรคประจำตัว

การฟื้นฟูผู้ป่วยช็อคหลังการรักษาควรมีขั้นตอนใดบ้าง?

• การฟื้นฟูผู้ป่วยช็อคหลังการรักษาควรมีการประเมินสภาพ, ให้สารน้ำ, ติดตามสัญญาณชีพ, ให้ยา, และดูแลทางจิตใจ.

• ไม่ต้องติดตามสัญญาณชีพ

• ให้ผู้ป่วยนอนพักเฉยๆ

• ให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารทันที

อาการที่บ่งบอกว่าผู้ป่วยมีภาวะช็อคคืออะไร?

• อาการปวดหัวอย่างรุนแรง

• อาการที่บ่งบอกว่าผู้ป่วยมีภาวะช็อคคือ ความดันโลหิตต่ำ, ชีพจรเร็ว, ผิวหนังเย็นและชื้น, อาการสับสนหรือหมดสติ

• อาเจียนบ่อยครั้ง

• มีไข้สูง

การประเมินระดับความรู้สึกตัวในผู้ป่วยช็อคทำได้อย่างไร?

• ใช้การสัมภาษณ์ผู้ป่วยเพื่อประเมินระดับความรู้สึกตัว

• ใช้การสังเกตอาการทางกายภาพเพียงอย่างเดียว

• ใช้การตรวจเลือดเพื่อประเมินระดับความรู้สึกตัว

• ใช้ระบบ AVPU หรือ GCS ในการประเมินระดับความรู้สึกตัว

การให้สารน้ำในผู้ป่วยช็อคมีความสำคัญอย่างไร?

• การให้สารน้ำช่วยลดอาการปวดในผู้ป่วยช็อค

• การให้สารน้ำทำให้ผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้นทันที

• การให้สารน้ำช่วยรักษาความดันโลหิตและการไหลเวียนของเลือดในผู้ป่วยช็อค

• การให้สารน้ำช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ

การใช้ยาในผู้ป่วยช็อคควรพิจารณาอย่างไร?

• พิจารณาสาเหตุของช็อคและให้การรักษาที่เหมาะสม

• ใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่ตรวจสอบ

• ให้ยาต้านการอักเสบทันที

• ให้สารน้ำโดยไม่พิจารณาสาเหตุ