ข้อสอบติวสด รอบภายใน ปี 2567 ครั้งที่ 14

คดีอาญาตามข้อใดต่อไปนี้ห้ามมิให้ศาลถามคำให้การจำเลย

• คดีที่พนักงานอัยการฟ้องจำเลยต่อศาล

• คดีอาญาที่จำเลยไม่ยอมให้การ

• คดีอาญาที่ราษฏรเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง

• ไม่มีข้อถูก

Answer explanation

มาตรา ๑๖๕[104]   ในคดีซึ่งพนักงานอัยการเป็นโจทก์ ในวันไต่สวนมูลฟ้องให้จำเลยมาหรือคุมตัวมาศาล ให้ศาลส่งสำเนาฟ้องแก่จำเลยรายตัวไป เมื่อศาลเชื่อว่าเป็นจำเลยจริงแล้ว ให้อ่านและอธิบายฟ้องให้ฟัง และถามว่าได้กระทำผิดจริงหรือไม่ จะให้การต่อสู้อย่างไรบ้าง คำให้การของจำเลยให้จดไว้ ถ้าจำเลยไม่ยอมให้การก็ให้ศาลจดรายงานไว้ และดำเนินการต่อไป

จำเลยไม่มีอำนาจนำพยานมาสืบในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแต่ทั้งนี้ไม่เป็นการตัดสิทธิในการที่จำเลยจะมีทนายมาช่วยเหลือ

ในคดีราษฎรเป็นโจทก์ ศาลมีอำนาจไต่สวนมูลฟ้องลับหลังจำเลย ให้ศาลส่งสำเนาฟ้องแก่จำเลยรายตัวไป กับแจ้งวันนัดไต่สวนให้จำเลยทราบ จำเลยจะมาฟังการไต่สวนมูลฟ้อง โดยตั้งทนายให้ซักค้านพยานโจทก์ด้วยหรือไม่ก็ได้หรือจำเลยจะไม่มา แต่ตั้งทนายมาซักค้านพยานโจทก์ก็ได้ ห้ามมิให้ศาลถามคำให้การจำเลย และก่อนที่ศาลประทับฟ้องมิให้ถือว่าจำเลยอยู่ในฐานะเช่นนั้น

นายจันทร์เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอังคารในความผิดฐานฉ้อโกง ศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้อง เมื่อถึงวันไต่สวนมูลฟ้อง ศาลเห็นว่านายอังคารไม่ได้กระทำความผิด ศาลจึงวินิจฉัยและพิพากษายกฟ้อง ดังนี้ คำพิพากษายกฟ้องชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ตามข้อใด

• ไม่ชอบ เพราะศาลยังไม่ได้รับฟ้อง

• ไม่ชอบ เพราะศาลยังไม่ได้พิจารณาคดี

• ชอบ เพราะศาลมีอำนาจยกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง

• ชอบ เพราะศาลรับฟ้องไว้พิจารณาแล้ว

Answer explanation

มาตรา ๑๖๗ ถ้าปรากฏว่าคดีมีมูล ให้ศาลประทับฟ้องไว้พิจารณาต่อไปเฉพาะกระทงที่มีมูล ถ้าคดีไม่มีมูล ให้พิพากษายกฟ้อง

คำสั่งของศาลที่ว่าคดีมีมูลให้แสดงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายพร้อมเหตุผลประกอบตามสมควรด้วย

• คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2777/2545

  • พิมพ์คำพิพากษา

• วันนัดสืบพยานโจทก์ ระหว่างผู้พิพากษารออ่านรายงานกระบวนพิจารณา จำเลยได้พูดต่อหน้าผู้พิพากษา ทนายจำเลยและพยานว่า "ทนายความคนนี้ใช้ไม่ได้ ทั้งประเทศไทยมีทนายความแบบนี้อยู่คนเดียว ชอบหาเรื่องกลั่นแกล้งจำเลย ประเทศชาติอยู่ไม่ได้แน่ ถ้ายังมีทนายความประเภทนี้ อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล" และเมื่อผู้พิพากษาตักเตือน จำเลยยังพูดต่ออีกว่า "ท่านครับอย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล" เป็นการระบายความรู้สึกของจำเลยที่มีต่อโจทก์และเป็นการวิจารณ์การทำงานในหน้าที่ทนายความของโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามกับจำเลยในความรู้สึกว่าจำเลยถูกกลั่นแกล้งมิใช่เป็นการใส่ความให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง ไม่เป็นหมิ่นประมาท

  ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแม้ศาลจะพิจารณาเพียงว่าคดีโจทก์พอมีมูลที่จะประทับฟ้องไว้หรือไม่ก็ตาม แต่เมื่อศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดศาลก็ชอบที่จะวินิจฉัยและพิพากษายกฟ้องไปได้เลย ไม่จำเป็นต้องประทับฟ้องไว้แล้วพิจารณายกฟ้องในภายหลั

ในคดีอาญาที่ราษฏรเป็นโจทก์ ศาลนัดไต่ส่วนมูลฟ้อง แต่เมื่อถึงวันนัดโจทก์ไม่มาศาล ศาลจึงยกฟ้อง ดังนี้คำสั่งยกฟ้องชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

• ไม่ชอบ เพราะศาลไม่มีอำนาจยกฟ้อง

• ไม่ชอบ เพราศาลต้องสั่งเลื่อนคดี

• ชอบ เพราะศาลมีอำนาจ

• ชอบ เพราะศาลรับคดีไว้พิจารณาแล้ว

Answer explanation

มาตรา ๑๖๖ ถ้าโจทก์ไม่มาตามกำหนดนัด ให้ศาลยกฟ้องเสีย แต่ถ้าศาลเห็นว่ามีเหตุสมควรจึงมาไม่ได้ จะสั่งเลื่อนคดีไปก็ได้

คดีที่ศาลได้ยกฟ้องดังกล่าวแล้ว ถ้าโจทก์มาร้องภายในสิบห้าวัน นับแต่วันศาลยกฟ้องนั้น โดยแสดงให้ศาลเห็นได้ว่ามีเหตุสมควรจึงมาไม่ได้ ก็ให้ศาลยกคดีนั้นขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่

ในคดีที่ศาลยกฟ้องดังกล่าวแล้ว จะฟ้องจำเลยในเรื่องเดียวกันนั้นอีกไม่ได้ แต่ถ้าศาลยกฟ้องเช่นนี้ในคดีซึ่งราษฎรเท่านั้นเป็นโจทก์ ไม่ตัดอำนาจพนักงานอัยการฟ้องคดีนั้นอีก เว้นแต่จะเป็นคดีความผิดต่อส่วนตัว

ศาลยกฟ้องเพราะโจทก์บรรยายฟ้องไม่ชอบ เพราะไม่ได้บรรยายกรกระทำทั้งหลายของจำเลยที่อ้างว่าได้กระทำความผิดพอสมควรเท่าที่ทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ต่อมาโจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยในความผิดเดิมอีก ดังนี้ ข้อใดต่อไปนี้กล่าวถูกต้อง

• ฟ้องใหม่ได้ เพราะไม่เป็นฟ้องซ้อน

• ฟ้องใหม่ได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

• ฟ้องใหม่ไม่ได้ เพราะเป็นฟ้องซ้อน

• ฟ้องใหม่ไม่ได้ เพราะเป็นฟ้องซ้ำ

Answer explanation

ฎีกาที่ 2555/2564

คดีก่อนศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกฟ้อง เพราะโจทก์ทั้งสองบรรยายฟ้องไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5)

โดยยังมิได้วินิจฉัยถึงการกระทำของจำเลยทั้งสองตามข้อกล่าวหาของโจทก์ทั้งสอง

จึงถือไม่ได้ว่า เป็นคำพิพากษาที่ได้วินิจฉัยในความผิดซึ่งได้ฟ้อง อันจะเป็นเหตุให้สิทธิของโจทก์ทั้งสองที่จะนำคดีมาฟ้องใหม่ระงับสิ้นไป ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (4)

ฟ้องโจทก์ทั้งสองคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อน

พนักงานสอบสวน สภ.แม่สาย จังหวัดเชียงรายเป็นผู้รับผิดชอบในการสอบสวนความผิดที่นายหนึ่งตกเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดฐานพยายามฆ่า ได้สรุปสำนวนและส่งความเห็นควรสั่งฟ้องเสนอให้พนักงานอัยการ ซึ่งต่อมาพนักงานอัยการเจ้าของสำนวนออกคำสั่งไม่ฟ้อง เพราะเห็นว่าพยานหลักฐานไม่เชื่อว่านายหนึ่งกระทำความผิด ดังนี้ ต้องรีบส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมกับคำสั่งไปเสนอบุคคลตามข้อใด

• อัยการสูงสุด

• อัยการจังหวัด

• ผู้ว่าราชการจังหวัด

• ผู้บัญชาการหรือรองผู้บัญชาการ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ

Answer explanation

มาตรา ๑๔๕/๑^[93]   สำหรับการสอบสวนซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าพนักงานตำรวจในกรณีที่มีคำสั่งไม่ฟ้องและคำสั่งนั้นไม่ใช่คำสั่งของอัยการสูงสุด ถ้าในกรุงเทพมหานครให้รีบส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมกับคำสั่งเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถ้าในจังหวัดอื่นให้รีบส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมกับคำสั่งเสนอผู้บัญชาการหรือรองผู้บัญชาการ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ แต่ทั้งนี้มิได้ตัดอำนาจพนักงานอัยการที่จะจัดการอย่างใดแก่ผู้ต้องหาดังบัญญัติไว้ในมาตรา ๑๔๓

พนักงานสอบสวน สภ.แม่สาย จังหวัดเชียงรายเป็นผู้รับผิดชอบในการสอบสวนความผิดที่นายหนึ่งตกเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดฐานพยายามฆ่า ได้สรุปสำนวนและส่งความเห็นควรสั่งฟ้องเสนอให้พนักงานอัยการ ซึ่งต่อมาพนักงานอัยการเจ้าของสำนวนออกคำสั่งไม่ฟ้อง เพราะเห็นว่าพยานหลักฐานไม่เชื่อว่านายหนึ่งกระทำความผิด เมื่อส่งสำนวนไปให้ผู้บัญชาการหรือรองผู้บัญชาการซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในจังหวัดอื่นแย้งคำสั่งของพนักงานอัยการแล้ว เมื่อบุคคลดังกล่าวเห็นแย้ง ต้องส่งความเห็นแย้งพร้อมกับสำนวนไปยังบุคคลใด

• ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

• ผู้ว่าราชการจังหวัด

• อัยการสูงสุด

• ศาลชั้นต้นที่มีเขตอำนาจ

Answer explanation

ในกรณีที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในกรุงเทพมหานคร หรือผู้บัญชาการหรือรองผู้บัญชาการซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในจังหวัดอื่นแย้งคำสั่งของพนักงานอัยการให้ส่งสำนวนพร้อมกับความเห็นที่แย้งไปยังอัยการสูงสุดเพื่อชี้ขาด แต่ถ้าคดีจะขาดอายุความ หรือมีเหตุอย่างอื่นอันจำเป็นจะต้องรีบฟ้อง ก็ให้ฟ้องคดีนั้นตามความเห็นของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการหรือรองผู้บัญชาการดังกล่าวแล้วแต่กรณีไปก่อน

ข้อใดต่อไปนี้กล่าวถูกต้องเกี่ยวกับคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง

• ไม่ตัดสิทธิผู้เสียหายฟ้องคดีเอง

• ห้ามมิให้มีการสอบสวนบุคคลนั้นในเรื่องเดียวกันนั้นอีก

• ถ้าผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวหรือขังอยู่ให้จัดการปล่อยหรือขอให้ปล่อย

• ถูกทุกข้อ

Answer explanation

มาตรา ๑๔๖ ให้แจ้งคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีให้ผู้ต้องหาและผู้ร้องทุกข์ทราบ ถ้าผู้ต้องหาถูกควบคุมหรือขังอยู่ให้จัดการปล่อยตัวไปหรือขอให้ศาลปล่อย แล้วแต่กรณี

เมื่อพนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องแล้ว ผู้เสียหาย ผู้ต้องหา หรือผู้มีส่วนได้เสียมีสิทธิร้องขอต่อพนักงานอัยการเพื่อขอทราบสรุปพยานหลักฐานพร้อมความเห็นของพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการในการสั่งคดี  ทั้งนี้ ภายในกำหนดอายุความฟ้องร้อง^[94]

มาตรา ๑๔๗  เมื่อมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีแล้ว ห้ามมิให้มีการสอบสวนเกี่ยวกับบุคคลนั้นในเรื่องเดียวกันนั้นอีก เว้นแต่จะได้พยานหลักฐานใหม่อันสำคัญแก่คดี ซึ่งน่าจะทำให้ศาลลงโทษผู้ต้องหานั้นได้

ข้อใดต่อไปนี้ทำให้การสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย

• พนักงานสอบสวนท้องทีอื่นซึ่งไม่มีเขตอำนาจสอบสวน ร่วมฟังการสอบปากคำผู้ต้องหาด้วย

• พนักงานสอบสวนไปทำการสอบสวนนอกพื้นที่

• เขตอำนาจสอบสวนถูกต้องตาม ป.วิอาญา แต่ไม่เป็นไปตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

• ไม่มีข้อถูก

Answer explanation

มาตรา ๑๘^[10]  ในจังหวัดอื่นนอกจากจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรี พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ปลัดอำเภอ และข้าราชการตำรวจซึ่งมียศตั้งแต่นายร้อยตำรวจตรีหรือเทียบเท่านายร้อยตำรวจตรีขึ้นไป มีอำนาจสอบสวนความผิดอาญาซึ่งได้เกิด หรืออ้าง หรือเชื่อว่าได้เกิดภายในเขตอำนาจของตน หรือผู้ต้องหามีที่อยู่ หรือถูกจับภายในเขตอำนาจของตนได้

สำหรับในจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรี ให้ข้าราชการตำรวจซึ่งมียศตั้งแต่ชั้นนายร้อยตำรวจตรีหรือเทียบเท่านายร้อยตำรวจตรีขึ้นไป มีอำนาจสอบสวนความผิดอาญาซึ่งได้เกิด หรืออ้าง หรือเชื่อว่าได้เกิดภายในเขตอำนาจของตน หรือผู้ต้องหามีที่อยู่ หรือถูกจับภายในเขตอำนาจของตนได้

ภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติในมาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๑ ความผิดอาญาได้เกิดในเขตอำนาจพนักงานสอบสวนคนใด โดยปกติให้เป็นหน้าที่พนักงานสอบสวนผู้นั้นเป็นผู้รับผิดชอบในการสอบสวนผิดนั้น ๆ เพื่อดำเนินคดี เว้นแต่เมื่อมีเหตุจำเป็นหรือเพื่อความสะดวก จึงให้พนักงานสอบสวนแห่งท้องที่ที่ผู้ต้องหามีที่อยู่ หรือถูกจับเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการสอบสวน

นางแอม เป็นหนี้นางฟ้าอยู่จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท แต่นางแอมไม่มีเงินชำระหนี้ นางแอมจึงคิดที่จะฆ่านางฟ้าเพื่อล้างหนี้ นางแอมออกอุบายชวนนางฟ้ามากินข้าวกลางวันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในอำเภอเมืองจังหวัดลำพูน และอาศัยช่วงที่นางฟ้าเผลอ นางแอมได้เอายาพิษไซยาไซด์ผสมในน้ำให้นางฟ้าดื่ม เมื่อทานอาหารเสร็จจึงได้แยกย้ายกันกลับ นางฟ้ารู้สึกแน่นหน้าอกจึงได้ขับรถไปที่ ร.พ.มหาราชเชียงใหม่เพื่อทำการตรวจรักษา แต่ถึงโรงพยาบาลได้ไม่นานนางฟ้าก็ถึงแก่ความตาย ดังนี้ ข้อใดต่อไปนี้กล่าวถูกต้อง

• พนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำพูนมีอำนาจสอบสวนและรับผิดชอบ

• พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่มีอำนาจสอบสวนและรับผิดชอบ

• พนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำพูน และสภ.เมืองเชียงใหม่ มีอำนาจสอบสวน และ สภ.เมืองลำพูนเป็นผู้รับผิดชอบ

• พนักงานสอบสวน ส.ภ.เมืองลำพูน และสภ.เมืองเชียงใหม่ มีอำนาจสอบสวน และ สภ.เมืองเชียงใหม่เป็นผู้รับผิดชอบ

Answer explanation

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3337/2543

จำเลยให้ผู้ตายดื่มสารพิษที่บ้านพักของผู้ตาย ความผิดอาญาที่จำเลยกระทำเกิดขึ้นที่บ้านพักของผู้ตาย ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจของสถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง ส่วนที่ผู้ตายถึงแก่ความตายที่โรงพยาบาล พ. เป็นผลของการกระทำผิดความผิดอาญาได้เกิดในเขตอำนาจพนักงานสอบสวนคนใด โดยปกติให้เป็นหน้าที่พนักงานสอบสวนผู้นั้นเป็นผู้รับผิดชอบในการสอบสวนความผิดนั้น ๆ เพื่อดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 18 วรรคสาม พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลดอนเมืองมีอำนาจสอบสวน
ถ้วยกาแฟและช้อนกาแฟของกลางเป็นของใช้ประจำบ้านผู้ตายส่วนสารพิษของกลางเป็นทรัพย์สินของโรงพยาบาล ร. มิใช่ทรัพย์ที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าทำหรือมีไว้เป็นความผิด จึงมิใช่ทรัพย์ที่ต้องริบเสียทั้งสิ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32
จำเลยเป็นผู้นำผู้ตายไปส่งโรงพยาบาลและพยายามบอกความจริงให้แพทย์ผู้รักษาทราบว่าผู้ตายกินสารพิษโคลชิซินเพื่อแพทย์จะได้รักษาผู้ตายได้ถูกต้องทั้งจำเลยให้ผู้ตายรับประทานเม็ดคาร์บอนเพื่อช่วยดูดซึมสารพิษในร่างกายของผู้ตายให้หมดไป แสดงว่าจำเลยได้พยายามช่วยชีวิตผู้ตายอย่างเต็มความสามารถประกอบกับจำเลยได้ออกค่ารักษาพยาบาลผู้ตายตลอดมาโดยมุ่งหมายให้ผู้ตายรอดชีวิตอันเป็นการพยายามบรรเทาผลร้าย จึงมีเหตุอันควรปรานีลงโทษสถานเบา
จำเลยรับราชการที่โรงพยาบาล ร. ตั้งแต่ 2525 ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นเจ้าพนักงานวิทยาศาสตร์การแพทย์ 5 แสดงว่าจำเลยมีคุณงามความดีมาก่อน จำเลยกระทำผิดเนื่องจากความหึงหวงผู้ตายที่ไปมีหญิงอื่น หลังจากเกิดเหตุจำเลยพยายามบรรเทาผลร้ายอย่างสุดความสามารถเท่าที่จะทำได้นอกจากนี้ไม่ปรากฏว่าเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงสมควรให้โอกาสจำเลยได้กลับตัวเป็นคนดีโดยรอการลงโทษจำคุก

นายหนึ่งผลักนายสองล้มศีรษะกระแทกกับถนน มีอาการมึนๆ พนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีกับนายหนึ่งในความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ม.391 เปรีบเทียบปรับจำนวน 5,000 บาท นายหนึ่งยินยอมจ่ายค่าปรับตามเปรียบเทียบเรียบร้อย ต่อมาอีก 1 สัปดาห์ นายสองมีอาการมึนศีรษะไม่หายจึงเข้ารับการตรวจรักษาพบว่ามีอาการสมองได้รับกระทบกระเทือนทำให้ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลไม่สามารถทำงานได้ตามปกติเป็นเวลา 1 เดือน ดังนี้ พนักงานสอบสวนจะดำเนินคดีอาญากับนายหนึ่งในความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสได้หรือไม่ ตามข้อใด

• ได้ เพราะเป็นคดีลหุโทษไม่ระงับไปเพราะเปรียบเทียบปรับ

• ได้ เพราะคดีทำร้ายร่างกายสาหัสไม่ใช่ความผิดลหุโทษที่เปรียบเทียบได้

• ไม่ได้ เพราะคดีทำร้ายร่างกายระงับลงแล้ว

• ไม่ได้ เพราะคดีเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว

Answer explanation

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 354/2541

 

โจทก์แจ้งความกล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันทำร้ายร่างกายโจทก์ พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองทำร้ายร่างกายโจทก์ไม่ถึงกับเป็นเหตุอันตรายแก่กายหรือจิตใจ จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ พนักงานสอบสวน ทำการเปรียบเทียบปรับ โจทก์และจำเลยทั้งสองต่างยินยอม คดีย่อมเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 37(2) สิทธินำคดีอาญาในความผิดลหุโทษของโจทก์มาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(3) แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นในวันเดียวกันโจทก์เกิดอาการมึนศีรษะ และอาเจียนจึงกลับไปให้แพทย์ตรวจใหม่ พบว่าสมองได้รับการ กระทบกระเทือนและมีเลือดคั่งต้องรักษานานประมาณ 30 วัน โดยโจทก์อ้างว่าเป็นผลเกิดจากถูกจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้แท่งเหล็กกลวงตี หากเป็นจริงตามที่โจทก์กล่าวอ้าง คดีก็ไม่ อาจเลิกกันได้เพราะกรณีมิใช่ความผิดลหุโทษเสียแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์จึงยังไม่ระงับไป