แบบทดสอบโลกและการเปลี่ยนแปลง

แบบทดสอบโลกและการเปลี่ยนแปลง

8th Grade

10 Qs

quiz-placeholder

Similar activities

จุลินทรีย์ในสิ่งแวดล้อม

จุลินทรีย์ในสิ่งแวดล้อม

1st - 12th Grade

10 Qs

PETROTEUM GASS

PETROTEUM GASS

8th Grade

10 Qs

ดิน

ดิน

8th Grade

15 Qs

ข้อสอบเรื่องดิน

ข้อสอบเรื่องดิน

8th - 9th Grade

10 Qs

หิน

หิน

8th Grade

15 Qs

แบบทดสอบ เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์

แบบทดสอบ เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์

8th Grade

10 Qs

โครงสร้างโลก

โครงสร้างโลก

1st - 12th Grade

10 Qs

โลกและการเปลี่ยนแปลง

โลกและการเปลี่ยนแปลง

8th Grade

10 Qs

แบบทดสอบโลกและการเปลี่ยนแปลง

แบบทดสอบโลกและการเปลี่ยนแปลง

Assessment

Quiz

Science

8th Grade

Hard

Created by

Bio meals

Used 3+ times

FREE Resource

10 questions

Show all answers

1.

FILL IN THE BLANK QUESTION

2 mins • 1 pt

Media Image

การกัดเซาะของน้ำอย่างต่อเนื่องทำให้ร่องน้ำเปลี่ยนแปลงขนาด รูปร่าง ทิศทางการไหลไปจากเดิม จากร่องน้ำเล็ก ๆ จำนวนมาก  เมื่อไหลรวมกันมากขึ้นจะกลายเป็นธารน้ำ ธารน้ำที่เกิดขึ้นมาระยะหนึ่ง จะเริ่มมีสภาพคล่องตัวในการไหลมากขึ้น สามารถพัดพาตะกอนขนาดต่าง ๆ ไปกับกระแสน้ำได้สะดวก ธารน้ำที่ถูกกัดเซาะอย่างต่อเนื่องในที่สุดจะกลายเป็นแม่น้ำ แม่น้ำแต่ละสายจะเกิดการกัดเซาะของน้ำแตกต่างกัน ทำให้มีลักษณะแตกต่างกัน ดังภาพ

จากข้อมูล แม่น้ำสายใดเกิดขึ้นเป็นระยะเวลานานที่สุด

Answer explanation

แม่น้ำในบริเวณพื้นที่ราบลุ่มและเกิดขึ้นเป็นระยะเวลานานแล้ว จะมีการกัดเซาะของน้ำในแนวระดับมากกว่าในทางลึก  จึงเป็นสาเหตุให้แม่น้ำมีขนาดความกว้างมากขึ้น และมีลักษณะการไหลแบบคดเคี้ยว
          จากภาพ แม่น้ำ B มีลักษณะการไหลแบบคดเคี้ยวมากที่สุด จึงเกิดขึ้นเป็นระยะเวลานานที่สุด

2.

MULTIPLE CHOICE QUESTION

30 sec • 1 pt

Media Image

แผนภาพแสดงกระบวนการเกิดดิน เป็นดังนี้

จากแผนภาพ  กระบวนการ A  B และ C  คือกระบวนการใดตามลำดับ

A คือ การย่อยสลาย       
B คือ การสร้างตัวของดิน   
C คือ การผุพังสลายตัว

A คือ การย่อยสลาย
B คือ การผุพังสลายตัว     
C คือ การสร้างตัวของดิน

A คือ การผุพังสลายตัว

B คือ การย่อยสลาย         

C คือ การสร้างตัวของดิน

A คือ การสร้างตัวของดิน        

B คือ การย่อยสลาย         

C คือ การผุพังสลายตัว

Answer explanation

“ดิน” เกิดจากการผุพังและสลายตัวของหินและแร่จากการกระทำของตัวกลางต่าง ๆ เช่น กระแสน้ำ และลม เป็นต้น หินและแร่ที่เกิดการผุพังจะรวมกับอินทรียวัตถุที่ผ่านการย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ เกิดการทับถมเป็นวัตถุต้นกำเนิดดิน เมื่อเวลาผ่านไปก็จะเกิดการสร้างตัวของดินกลายเป็นดิน
เมื่อพิจารณาจากแผนภาพแสดงกระบวนการเกิดดินแล้ว สามารถสรุปได้ดังนี้
      กระบวนการ A คือ การย่อยสลายอินทรียวัตถุโดยจุลินทรีย์
      กระบวนการ B คือ การผุพังสลายตัวของหินและแร่
      กระบวนการ C คือ การสร้างตัวของดินจากวัตถุต้นกำเนิดดินที่เกิดการ  ทับถมกัน

3.

MULTIPLE CHOICE QUESTION

30 sec • 1 pt

Media Image

หน้าตัดของชั้นตะกอนใน 4 บริเวณ มีลักษณะเป็นดังภาพ

ชั้นตะกอนในบริเวณใดสามารถกักเก็บน้ำได้มากที่สุด

บริเวณที่ 1

บริเวณที่ 2

บริเวณที่ 3

บริเวณที่ 4

Answer explanation

ตะกอนที่มีลักษณะกลมมนและมีขนาดเท่า ๆ กัน จะสามารถกักเก็บน้ำไว้ได้ปริมาณมากกว่าตะกอนที่มีลักษณะเป็นเหลี่ยมเป็นมุมหรือมีขนาดคละกัน เพราะตะกอนที่มีลักษณะกลมมนและมีขนาดเท่า ๆ กัน ช่องว่างระหว่างตะกอนที่เกิดขึ้นจะกว้างและมีจำนวนมากกว่า
          จากภาพหน้าตัดของชั้นตะกอนใน 4 บริเวณ พบว่า ชั้นตะกอนบริเวณที่ 4 ตะกอนมีลักษณะทรงกลมมนที่มีขนาดใกล้เคียงกัน ทำให้ช่องว่างระหว่างตะกอนที่เกิดขึ้นมีขนาดกว้างและมีจำนวนมากกว่า จึงกักเก็บน้ำไว้ได้ปริมาณมากที่สุด ในขณะที่ชั้นตะกอนบริเวณที่ 1  2 และ 3 ตะกอนมีลักษณะทรงกลม และเหลี่ยม และมีขนาดไม่เท่ากัน ทำให้ช่องว่างระหว่างตะกอนที่เกิดขึ้นมีขนาดเล็กและมีจำนวนน้อย จึงกักเก็บน้ำไว้ได้ปริมาณน้อยกว่า

4.

MULTIPLE CHOICE QUESTION

30 sec • 1 pt

Media Image

ทดสอบดิน โดยนำดิน  4  ชนิด ที่มีระดับความชื้นในดินและมีปริมาณเท่ากัน ใส่ในหลอดทดลอง 4 หลอด หลอดละ 1 ชนิด และเติมน้ำลงไปหลอดละ 10 ลูกบาศก์เซนติเมตร แล้วสังเกตระดับน้ำเหนือดิน  ได้ผลดังนี้

ถ้าต้องการปลูกพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในดินเหนียว จะต้องปลูกพืชในดินชนิดใด

ดินชนิดที่ 1

ดินชนิดที่ 2

ดินชนิดที่ 3

ดินชนิดที่ 4

Answer explanation

จากการทดลอง พบว่า ระดับน้ำในหลอดทดลองที่ใส่ดินชนิดที่ 4 สูงที่สุด แสดงว่า ดินชนิดที่ 4 อาจเป็นดินเหนียว ดังนั้น หากต้องการปลูกพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในดินเหนียว ดินชนิดที่ 4 จึงมีความเหมาะสมมากที่สุด

5.

MULTIPLE CHOICE QUESTION

30 sec • 1 pt

Media Image

ข้อมูลแสดงการเปลี่ยนแปลงของหิน  เป็นดังนี้

การตกของหินจากภูเขา จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับวิธีการใด

วิธีที่ 1

วิธีที่ 2

วิธีที่ 3

วิธีที่ 4

Answer explanation

การตกของหินจากภูเขา เป็นกระบวนการผุพังทางกายภาพ ที่ทำให้แร่และหินแตกตัวมีขนาดเล็กลงโดยมีการเคลื่อนย้ายออกจากวัตถุต้นกำเนิดที่เกิดจากแรงโน้มถ่วงของโลก
          เมื่อพิจารณาข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของหินแต่ละวิธีพบว่า
วิธีที่ 1  เมื่อหยดด้วยกรดจะเกิดฟองแก๊สบนหิน  เป็นการเปลี่ยนแปลงทางเคมี
วิธีที่ 2  เมื่อขัดถูโดยใช้หินสองก้อนจะเกิดเป็นผงละเอียดหลุดจากหิน เป็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่เกิดจากการกร่อนของหิน
วิธีที่ 3  เมื่อโยนหินให้ตกจากที่สูงจะแตกออกเป็นชิ้นเล็กๆ เป็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่เกิดจากแรงโน้มถ่วงของโลก
วิธีที่ 4 เมื่อเผาหินจะมีรอยแยกบนหิน เป็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่เกิดจากการขยายตัวของพื้นผิวภายนอกและภายในเนื้อหินที่แตกต่างกัน

6.

MULTIPLE CHOICE QUESTION

30 sec • 1 pt

Media Image

ข้อมูลแสดงปริมาณของแร่ต่าง ๆ ในหินแกรนิตจาก 4 แหล่ง เป็นดังนี้ 

“แร่เฟลด์สปาร์เท่านั้นที่ทำปฏิกิริยากับฝนกรดแล้วทำให้หินผุพังได้”  
จากข้อมูล  หินแกรนิตจากแหล่งใดจะผุพังเนื่องจากฝนกรดได้มากที่สุด

แหล่งที่ 1

แหล่งที่ 2

แหล่งที่ 3

แหล่งที่ 4

Answer explanation

จากข้อมูลแร่เฟลด์สปาร์เท่านั้นที่ทำปฏิกิริยากับฝนกรดแล้วทำให้หินผุพังได้ เมื่อพิจารณาจากข้อมูลดังกล่าว แหล่งหินที่มีปริมาณร้อยละของแร่เฟลด์สปามาก จะมีการผุพังจากฝนกรดได้มากเช่นกัน
         ดังนั้น แหล่งหิน แหล่งที่ 4 จะมีการผุพังเนื่องจากฝนกรดมากที่สุด รองลงมา คือ แหล่งที่ 3 แหล่งที่ 2 และน้อยที่สุดคือ แหล่งที่ 1 ตามลำดับ

7.

MULTIPLE CHOICE QUESTION

30 sec • 1 pt

ภาพใดไม่ใช่ภูมิลักษณ์ที่เกิดจากการกร่อน การพัดพา และการสะสมตัวของตะกอน

Media Image
Media Image
Media Image
Media Image

Answer explanation

ภูมิลักษณ์ที่เกิดจากการกร่อน การพัดพา และการสะสมตัวของตะกอน ได้แก่  ภูเขายอดราบ  เนินยอดป้าน  เนินตะกอน (น้ำพา) รูปพัด               ดินดอนสามเหลี่ยม เป็นต้น
          จากภาพภูมิลักษณ์ทั้ง 4 ภาพ พบว่า
          ภาพ ก.  เป็นภาพภูเขายอดราบ  เกิดจากการกร่อนของชั้นหินที่มีความแข็งแกร่งทนทานแตกต่างกัน
          ภาพ ข.  เป็นภาพหินงอกหินย้อย  เกิดจากการสะสมตัวของสารประกอบแคลเซียมคาร์บอเนต ซึ่งเป็นสารที่ได้มาจากปฏิกิริยาระหว่างหินปูนกับฝนกรด เกิดเป็นสารละลายแคลเซียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตที่ซึมอยู่บนเพดานถ้ำ หรือพื้นถ้ำ เมื่อน้ำระเหยออกไปจะกลายเป็นหินงอกหินย้อย
          ภาพ ค.  เป็นภาพดินดอนสามเหลี่ยม  เกิดจากการกระทำของน้ำผิวดินที่ไหลลงสู่ทะเลบริเวณปากน้ำ ซึ่งพัดพาตะกอนมาตกตะกอนสะสมตัวกันอยู่ตลอดเวลา จนทำให้พื้นท้องน้ำมีระดับสูงขึ้น ส่งผลทำให้น้ำไหลออกสู่ทะเล   ช้าลง เมื่อผ่านไปเป็นเวลานาน ตะกอนที่สะสมตัวกันจะพอกพูนสูงขึ้นจนพ้นระดับน้ำ เกิดเป็นพื้นแผ่นดินงอกยื่นออกไปบริเวณปากแม่น้ำ
          ภาพ ง.  เป็นภาพการเจริญเติบโตของต้นไม้ใหญ่ลงไปในรอยแตกของหิน เกิดจากการเปลี่ยนแปลงขนาดและรูปร่างของหินเฉพาะภายนอก ไม่มีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทางเคมีในเนื้อหิน ซึ่งเป็นการผุพังทางกายภาพ
          ดังนั้น ภาพ ง. จึงไม่ใช่ภูมิลักษณ์ที่เกิดจากการกร่อน การพัดพา และการสะสมตัวของตะกอน

Create a free account and access millions of resources

Create resources
Host any resource
Get auto-graded reports
or continue with
Microsoft
Apple
Others
By signing up, you agree to our Terms of Service & Privacy Policy
Already have an account?