การแสดงพื้นเมือง

1. สมัยรัตนโกสินทร์ มีบทพระราชนิพนธ์ละครนอกในรัชกาล

ที่เท่าไร

• ก. รัชกาลที่ 1

• ข. รัชกาลที่ 2

• ค. รัชกาลที่ 3

• ง. รัชกาลที่ 4

2. ในสมัยรัชกาลใดที่ ได้มีผู้คิดนำเอาละครซาตรีกับละคร

นอกมาผสมกัน เรียกว่า "ละครซาตรีเข้าเครื่อง" หรือ "ละคร

ชาตรีเครื่องใหญ่"

• ก. รัชกาลที่ 3

• ข. รัชกาลที่ 4

• ค. รัชกาลที่5

• ง. รัชกาลที่ 6

3. ผู้แสดงละครชาตรีในสมัยโบราณจัดให้มีผู้แสดงกี่คน

• ก .1คน

• ข .2คน

• ค .3คน

• ง .4คน

4. ละครในมีการแต่งอย่าง พิถีพิถันตามแบบแผนกษัตริย์

เรียกการแต่งนี้ว่าอย่างไร

• ก. ทรงเครื่อง

• ข. เครื่องทรง

• ค. ยืนเครื่อง

• ง. เครื่องยืน

5. ผู้แสดงละครชาตรีในสมัยโบราณจัดให้มีผู้แสดงอย่างไร

• ก. ผู้แสดงหญิงล้วน

• ข. ผู้แสดงชายล้วน

• ค. ผู้แดงชาย- หญิง รวมกัน

• ง. เฉพาะ นายโรง และนางโรง เท่านั้น

6. นาฎศิลปัไทยมีที่มาและเกิดขึ้นจากสาเหตุ

ตามแนวคิดอะไร

• ก. เกิดจากความรู้สึกกระทบกระเทือนทางอารมณ์

• ข. เกิดจากการสร้างสรรค์ของมนุษย์

• ค. เกิดจากธรรมชาติกำหนดขึ้นมาเอง

  ไว้

• ง. เกิดจากเหตุการณ์ที่สำคัญที่ต้องการจารึกไว้

7. วัฒนธรรมอินเดียเกี่ยวกับวัฒนธรรมที่เข้ามา

ประเทศไทยเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร

• ก. เทพเจ้า และตำนานการฟ้อนรำ

• ข. การนับถือศาสนา

• ค. การเต้นรำและการร้องเพลง

• ง. ตำนานพระอิศวร

8. ตัวอย่างของเทารูปศิวะปางนาฎราช ที่สร้างเป็น

ท่าการร่ายรำเป็นท่าของใคร

• ก. พระนารายณ์

• ข. พระอิศวร

• ค. พระพิฆเนตฏ์

• ง. พระศิวะ

9. ทำไมจึงกำหนดให้วันพฤหัสบดีเป็นวันครู

• ก. เพราะเป็นวันที่มีการกำเนิดครูผู้สอนาฏศิลป์ในวันนี้

• ข. เพราะถือกันว่าเวลากลางวันพระพฤหัสบดีเป็นธาตุไฟ

  
  

  และเป็นธาตุน้ำในเวลากลางคืน

  
  

  เป็นดาวพระเคราะห์ที่ให้วิทยาความรู้แก่มนุษย์

• ค. ข้อ ก. ถูก

• ง. ถูกทั้งข้อ ก. และ ข้อ ข.

4. อารยธรรมทางศิลปะด้านนาฎศิลปัของอินเดียนี้

ได้เผยแพร่เข้ามาสู่ประเทศไทยในสมัยใด

• ก. สมัยสุโขทัย

• ข. สมัยอยุธยา

• ค. สมัยธนบุรี

• ง. สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น