ข้อความใดต่อไปนี้ไม่ถูกต้อง

• ค่า R_f เป็นค่าที่สามารถนำไปวิเคราะห์ชนิดของสารได้

• ค่า Rf ของสารใด ๆ จะมีค่าไม่มากกว่า 1.0 เสมอ

• ค่า R_f ของสารใดสารหนึ่งจะมีค่าเท่ากันเสมอในทุกระบบการทดลอง

• ค่า R_f ของสารใด ๆ จะหาได้จากการทดลองเท่านั้น

ข้อใดไม่ใช่หลักการของวิธีโครมาโทกราฟี

• ความสามารถในการละลายในตัวถูกละลาย

• ความสามารถ^ในการละลายในตัวทำละลาย

• อัตราการเคลื่อนที่ไปบนตัวดูดซับต่างกัน

• ไม่มีข้อใดถูก

นักเรียนสามารถนำวิธีแยกสารไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร

• การกลั่นน้ำมัน

• การกลั่นด้วยไอน้ำ

• การกลั่นน้ำให้สะอาด

• การกรองน้ำให้สะอาดเพื่อนำมาบริโภค

ข้อจำกัดของการใช้โครมาโทกราฟีคือข้อใด

• ใช้ทดสอบสารตัวอย่างที่มีปริมาณน้อย ๆ ไม่ได้

• ใช้แยกองค์ประกอบต่าง ๆ ในของผสมที่ไม่มีสีออกจากกันไม่ได้

• องค์ประกอบต่าง ๆ ในของผสมที่เคลื่อนที่ไปบนตัวดูดซับได้เกือบเท่ากัน จะแยกออกจากกันไม่ได้

• ถ้าแยกองค์ประกอบต่าง ๆ ในการผสมออกจากกันได้แล้วจะสกัดสารเหล่านั้นออกจากตัวดูดซับไม่ได้

การแยกสารโดยอาศัยการละลายในตัวทำละลายและตัวดูดซับเป็นสำคัญ คือข้อใด

• การระเหย

• การตกผลึก

• การตกละลาย

• โครมาโทกราฟี

สารประเภทใดที่แยกโดยวิธีโครมาโทกราฟี

• สารละลาย

• สารเนื้อผสม

• สารเนื้อเดียว

• เป็นของเหลว

ข้อใดไม่ใช่ความผิดพลาดในการแยกสารละลายด้วยวิธีโครมาโทกราฟี

• การใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย

• การหยดสารละลายเป็นจุดใหญ่เกินไป

• ความอิ่มตัวของระบบของตัวทำละลาย

• สารละลายที่ใช้ทดสอบมีความเข้มข้นเกินไป

การสกัดด้วยตัวทำละลาย ใช้หลักการในข้อใด

• ตัวทำละลายต้องละลายสารที่เจือปนได้ดี

• สารที่ต้องการสกัดต้องไม่ละลายในตัวทำละลาย

• สารที่ต้องการสกัดต้องละลายในตัวทำละลายได้

• ตัวทำละลายอาจละลายหรือไม่ละลายสารที่ต้องการสกัด

การแยกน้ำมันดิบนิยมใช้วิธีการใด

• การกรอง

• การตกตะกอน

• การกลั่นลำดับส่วน

• การกลั่นแบบธรรมดา

สารที่เหมาะสมจะนำมาสกัดโดยการกลั่นด้วยไอน้ำ ควรมีสมบัติตามข้อใด

• ละลายน้ำได้ดี จุดเดือดสูง

• ละลายน้ำได้ดี จุดเดือดต่ำ

• ไม่ละลายน้ำ จุดเดือดสูง

• ไม่ละลายน้ำ จุดเดือดต่ำ