ประวัติศาสตร์ไทยยุคปฏิรูปประเทศ

ข้อใดมิใช่เป็นผลดีที่ไทยได้รับจากการทำสัญญาเบาริงในสมัยรัชกาลที่ 4

• การค้าขยายตัวอย่างกว้างขวางมากกว่าแต่ก่อน

• นำเอาความเจริญทางวิชาการของตะวันตกมาปรับปรุงประเทศ

• สัญญาไม่ระบุเวลาจึงทำให้ชาวตะวันตกยินดีเข้ามาค้าขายมากขึ้น

• คนไทยปัจจุบันของไทยจะได้รับความคุ้มครองเมื่อไปอยู่ในเขตอังกฤษ

ที่ไทยเริ่มทำการค้าแบบเสรีเมื่อใด

• หลังจากที่เสรีไทยมีอำนาจ

• เมื่อสหรัฐยอมแก้ไขสัญญาที่ไทยเราเสียเปรียบ

• เมื่อทำสัญญาเบาว์ริงกับอังกฤษ

• เมื่อไทยเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1

เมื่อไทยได้มีการเปลี่ยนระบบภาษีจากเดิมมาเป็นร้อยชัก 3 แล้ว การค้าของไทยเป็นอย่างไร

• ไทยเก็บภาษีได้น้อยลง

• การค้าของไทยดีกว่าเดิมมาก

• การค้าอยู่ในภาวะต่ำเล็กน้อย

• ไม่สามารถทราบได้เพราะไม่มีการทำสถิติไว้

ข้อใดมิใช่การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของประเทศในสมัยรัชกาลที่ 4

• เริ่มการค้าเสรี

• ภาษีศุลกากรขาเข้าถูกจำกัดในอัตราตายตัว

• ข้าว ไม้สัก ดีบุก เป็นสินค้าออกที่สำคัญ

• มีการใช้ทองคำเป็นมาตรฐานในการแลกเปลี่ยน

หน่วยงานที่เรียกว่า “หอรัษฎากรพิพัฒน์” ทำหน้าที่อะไร

• ค้าขายกับต่างประเทศ

• เก็บรักษาพระไตรปิฎก

• เก็บผลประโยชน์ของแผ่นดิน

• ควบคุมการค้าภายในประเทศ

เพื่อให้เงินตราของไทยเป็นที่ยอมรับและเชื่อถือของชาวต่างประเทศรัชกาลที่ 5 ทรงดำเนินการอย่างไร

• กำหนดให้ใช้ธนบัตรแทนเงินเหรียญ

• กำหนดให้ใช้ทองคำเป็นมาตรฐานในการแลกเปลี่ยนเงินตรากับต่างประเทศ

• กำหนดให้ใช้สตางค์แทนเงินปลีก

• พระราชทานเงินเดือนแทนเบี้ยหวัด

เหตุใดจึงใช้ทองคำเป็นมาตรฐานเงินตราในการแลกเปลี่ยนเงินกับต่างประเทศ

• เพื่อความสะดวกในการซื้อสินค้า

• เพื่อป้องกันภาวะเงินเฟื้อ

• ระบบเงินตราไม่แน่นอนมั่นคงเท่ากับทองคำ

• ตามมติของนานชาติ

หน่วยงานใดที่มีหน้าที่จัดการเกี่ยวกับพระราชทรัพย์ของแผ่นดินในรัชกาลที่ 5

• พระคลังมหาสมบัติ

• พระคลังข้างที่

• พระคลังสินค้า

• พระคลังทรัพย์สิน

ข้อใดเป็นกลไกสำคัญในการควบคุมกำลังคนในระบบไพร่

• ไพร่ต้องสังกัดมูลนาย

• ไพร่จับจองที่ดินไม่ได้

• ไพร่เปลี่ยนแปลงสถานะไม่ได้

• ไพร่ต้องมาทำงานให้ราชการ

ข้อใดตรงกับวัตถุประสงค์เบื้องต้นของการจัดระบบไพร่

• ต้องการแรงงาน

• ต้องการภาษี

• ต้องการเสริมอำนาจบารมี

• ต้องการคนมาเข้าเวรราชการ